top of page
การดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่มีความต้องการพิเศษ
(Special caer)
การดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ มีความสำคัญ เพราะปัญหาสุขภาพภายในช่องปากของผู้สูงอายุ อาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และลดทอนความมั่นใจ เพียงแค่หนึ่งปัญหาอาจลุกลามเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สูงอายุและลูกหลาน หรือผู้ดูแล ควรหมั่นคอยสังเกต และไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจช่องปากและดูแลรักษาฟันอย่างสม่ำเสมอ

ปัญหาสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ
ปัญหาสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ คือ ภาวะที่ช่องปากของผู้สูงอายุมีโรคเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นบริเวณปาก ภายในช่องปาก ฟันหรือลิ้น เป็นต้น อาจมีได้ตั้งแต่โรคในช่องปากที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามวัย หรือโรคในช่องปากที่มีผลมาจากโรคทางระบบอื่นๆ หรือยาที่รับประทานสำหรับรักษาโรคนั้น ๆ
สาเหตุของปัญหาสุขภาพช่ องปากในผู้สูงอายุ
ปัญหาสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุนั้นมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป เช่น การใส่ฟันปลอมที่ไม่ถูกวิธีและไม่เหมาะสม กระดูกมีความหนาแน่นและแข็งแรงน้อยลง การบริโภคเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบ เช่น ชา/กาแฟ หรือการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุได้เช่นกัน
ปัญหาสุขภาพช่องปาก ที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ
โดยปัญหาสุขภาพช่องปากที่มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ได้แก่
-
โรคเหงือกและโรคปริทันต์อักเสบ โดยมีสาเหตุอันเนื่องมาจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์บนตัวฟัน ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ และสามารถพัฒนาไปสู่โรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งจะทำลายเนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกที่รองรับฟันได้ โดยอาการที่พบขึ้นกับความรุนแรงของโรค มีได้ตั้งแต่เหงือกมีสีแดง เลือดออกขณะแปรงฟัน และในรายที่มีความรุนแรงของโรคมาก จะพบเหงือกร่น มีการทำลายของกระดูกรองรับรากฟัน รวมทั้งสามารถพบฟันโยกได้อีกด้วย หากมีการทำลายอย่างมาก จะนำไปสู่การสูญเสียฟันได้
-
ฟันผุในผู้สูงอายุ มักพบฟันผุได้มากที่บริเวณคอฟันและรากฟัน เนื่องจากมีการสูญเสียเหงือกและกระดูกรองรับรากฟันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภาวะปากแห้งร่วมด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุให้สูงขึ้น ซึ่งหากรอยผุนั้นมีการลุกลามอย่างมาก สามารถนำไปสู่การติดเชื้อในช่องปาก และการสูญเสียฟันได้
-
การสูญเสียฟัน ในผู้สูงอายุ และการดูแลฟันปลอมในผู้สูงอายุ การสูญเสียฟัน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ จำเป็นต้องมีการทำฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันที่เสียไป บางท่านอาจคิดว่าการใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดีเป็นเรื่องเล็กๆ แต่การใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดีนั้น อาจก่อให้เกิดโรคภายในช่องปากได้มากกว่าที่คิด
ในผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ที่ไม่พอดี จะทำให้เกิดความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายในช่องปากได้ ฟันปลอมที่ไม่พอดี จะก่อให้เกิดการเสียดสีกับเหงือก ทำให้เกิดอาการเจ็บเวลาใช้งานและอาจพบแผลบริเวณที่ใส่ฟันปลอมได้ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา ปัญหาจะรุนแรงขึ้นและอาจส่งผลต่อการรับประทานอาหารในผู้สูงอายุ
สำหรับฟันปลอมชนิดถอดได้ที่ใช้งานมานานหลายปี อาจพบว่าฟันปลอมที่เคยพอดีกลับหลวม ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของเหงือกและขากรรไกร ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการไม่พอดีของฟันปลอม
ดังนั้น การใส่ฟันปลอม ต้องมีการสังเกตอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้มีการแก้ไข และไม่ก่อให้เกิดปัญหาในช่องปากตามมา นอกจากนี้ฟันปลอมที่เก่าและมีสภาพไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราในช่องปากได้อีกด้วย
-
ภาวะปากแห้ง เมื่ออายุมากขึ้น อาจส่งผลต่อความสามารถในการผลิตน้ำลาย นอกจากนี้โรคทางระบบบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน หรือยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาขับปัสสาวะ อาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดภาวะปากแห้งจากยาได้
-
แผลในช่องปาก ผู้สูงอายุเป็นแผลในช่องปาก เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากการกระทบกระแทกจากฟันปลอมหรืออาหารที่แข็งหรือขอบฟันที่คม หรือเป็นแผลอักเสบในช่องปากที่มีสาเหตุจากภาวะอื่นๆ เช่น แผลร้อนใน แผลติดเชื้อ หรือโรคภูมิคุ้มกันต้านตนเอง เป็นต้น ซึ่งการมีแผลในช่องปาก ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากแผลเรื้อรังในช่องปากอาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งช่องปากได้
-
มะเร็งช่องปาก สามารถพบได้โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้ในผู้ที่ไม่พบปัจจัยเสี่ยงชัดเจน โดยจะมีลักษณะเป็นรอยขาว รอยแดง ก้อนบวมหรือแผลเรื้อรังในช่องปาก ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
ปัญหาต่างๆ ในช่องปากของผู้สูงอายุ อาจส่งผลกระทบหลายอย่างต่อตัวผู้สูงอายุเองทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ผลกระทบโดยตรง เช่น มีผลกระทบต่อการบดเคี้ยวและการรับประทานอาหาร อาจทำให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยง่าย การอักเสบติดเชื้อจากโรคในช่องปากก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่อาจส่งผลเสียและเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ รวมถึงหากมีการสูญเสียฟันเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลให้ความสูงของใบหน้าลดลงเนื่องจากไม่มีฟันมารองรับ ทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่น เกิดการพูดไม่ชัด และอาจทำให้เกิดความกังวลในการเข้าสังคม
เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะทุกอย่างก็เสื่อมลง
เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะทุกอย่างก็เสื่อมลง จากผลการศึกษาพบว่าผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 50 จะมีโรคเรื้อรังอย่างน้อยหนึ่งโรค และจำนวนไม่น้อยที่มีโรคเรื้อรังหลายโรค ดังนั้นการดูแลทางทันตกรรมในผู้ป่วยสูงอายุนอกจากจะต้องคำนึงถึงสุขภาพช่องปากที่มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติแล้ว ยังต้องคำนึงถึงภาวะแทรกซ้อนจากยาและการรักษาอื่น ๆ อีกด้วย โดยต้องประเมินสุขภาพผู้สูงอายุแบบองค์รวม และต้องมีการปรึกษาร่วมกันระหว่างทันตแพทย์กับแพทย์ผู้ทำการรักษาโรคประจำตัวของผู้สูงอายุ การซักประวัตินอกเหนือจากประวัติทางทันตกรรมแล้ว หากทราบชื่อโรคประจำตัวที่เป็นอยู่ด้วยก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผู้สูงอายุและญาติควรเตรียมรายชื่อยาที่รับประทานและขนาดยาที่ได้รับ รวมถึงยาฉีด เพื่อแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
ผู้สูงอายุควรได้รับการดูแลสุขภาพในช่องปาก
ผู้สูงอายุควรได้รับการดูแลสุขภาพในช่องปาก โดยพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ อาจจะปีละ 2-4 ครั้ง และยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้นว่า การเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือร้อนจัด ควรบริโภคน้ำตาลในปริมาณจำกัด ลดการรับประทานของหวานระหว่างมื้อเพื่อป้องกันโรคฟันผุ แปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ร่วมกับการใช้อุปกรณ์เสริมในการทำความสะอาดบริเวณซอกฟัน เช่น ไหมขัดฟัน หรือ แปรงซอกฟัน ดูแลทำความสะอาดฟันปลอมหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อลดการสะสมของเศษอาหารและเชื้อจุลินทรีย์ ถ้าน้ำลายน้อยมากอาจแนะนำให้จิบน้ำบ่อย ๆ ถ้าผู้สูงอายุและญาติมีความเข้าใจในการปฏิบัติตัวอย่างดีแล้ว ก็จะสามารถมีสุขภาพช่องปากที่ดีได้เหมือนที่เคยเป็นในครั้งวัยหนุ่มสาว ซึ่งจะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
bottom of page