top of page
จัดฟันโลหะ
(Matel braces)
การจัดฟันโลหะ หรือการจัดฟันแบบเหล็ก (Metal Bracket) คือ การจัดฟัน (Orthodontics) รูปแบบหนึ่งที่มีอุปกรณ์ยึดกับฟันเรียกว่า Bracket ซึ่งทำจากโลหะเช่น เหล็กสแตนเลสหรือโลหะผสมนิกเกิลไทเทเนียมเพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายฟันไปยังตำแหน่งที่ต้องการ มีลักษณะเด่นคือแข็งแรง อาจมีการปวดหรือเจ็บบางเล็กน้อยในช่วงเริ่มจัดฟัน ระยะเวลาในการจัดฟันโลหะโดยปกติอยู่ที่ประมาณ 1-3 ปี

การจัดฟันแบบโลหะมี 2 แบบ
-
จัดฟันโลหะแบบรัดยาง (Metal braces) เป็นการจัดฟันแบบโลหะธรรมดา ใช้เครื่องมือจัดฟันโลหะติดบนผิวฟัน ซึ่งลวดจัดฟันจะถูกรัดอยู่ในตัวแบร็คเก็ตด้วยยางจัดฟัน เพื่อให้ฟันมีการเคลื่อนที่ถูกต้อง ตรงตำแหน่งตามที่ทันตแพทย์กำหนดไว้
-
จัดฟันแบบดามอน (Damon) เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องใส่ยางจัดฟัน เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบดามอนถูกออกแบบให้มีคลิปล็อคลวดจัดฟันอยู่ในตัวแบร็คเก็ต ทำให้ฟันเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนดไว้ได้ง่าย ลดแรงกดที่เกิดจากยางจัดฟัน ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่า
เครื่องมืดจัดฟันโลหะ
เป็นเครื่องมือทางทันตกรรมที่ทำมาจากเหล็ก ทำหน้าที่ยึดโยงฟันและจัดการให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม แต่หลายคนอาจกังวลใจเรื่องความปลอดภัย เพราะการที่เอาโลหะอย่างเหล็กเข้ามาใส่ไว้ในปากของเรามันก็ฟังดูอันตรายอยู่ไม่ใช่น้อย ในยุค 2000 เครื่องมือจัดฟันโลหะได้รับการพัฒนาส่วนประกอบและวัสดุที่ใช้ให้มีความปลอดภัยสูง โดยเราจะจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
-
แบร็กเก็ต (Brackets) เป็นชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็กที่ติดลงบนผิวฟันด้านนอกส่วนใหญ่มักจะผลิตจาก สแตนเลส สตีล (Stainless Steel) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นสนิมโดยเจ้าแบร็กเก็ตจะมีร่องสำหรับยึดติดลดอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านบนและด้านล่างจะเป็นปีกเล็กๆ ไว้สำหรับมัดยาง
-
ลวด (Archwires) ส่วนใหญ่ผลิตจาก นิกเกิล (Nickel) และไทเทเนียม (Titanium) ทำหน้าที่ร้อยแบร็กเก็ตเข้าไว้ด้วยกัน โดยลวดจะเป็นตัวที่สร้างแรงเคลื่อนฟัน ดึงให้ฟันของเราเคลื่อนที่ไปยังจุดที่กำหนดไว้ตามแผนการรักษา ซึ่งคุณหมอที่ทำการจัดฟันจะต้องคอยนัดให้เราเข้าพบตามกำหนดเพื่อตรวจสอบและคอยขยับให้การจัดฟันเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
-
ตัวยึด (Ligatures) ส่วนประกอบสุดท้ายที่หลายคนเรียกว่า “ยาง” แต่ในความจริงแล้ววัดสุดที่ใช้เป็นตัวยึดนี้ มีทั้งแบบที่เป็น ยาง ลวด หรือ บานพับโลหะ ซึ่งจะทำหน้าที่ยึดลวดไว้กับแบร็กเก็ต โดยวัสดุทำตัวยึดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ “ยาง” เพราะนอกจากจะให้การยึดหรือรัดที่แน่นหนาแล้ว ยังมีราคาไม่แพง สามารถเปลี่ยนสีสันได้บ่อยครั้ง ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ ซึ่งบางคนเปลี่ยนแทบจะรายเดือนเลยก็มี
นอกจากส่วนประกอบหลักทั้ง 3 อย่างนี้แล้ว บางคนก็อาจต้องใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ยางดึงฟัน เชน หมุดจัดฟัน สปริง เพลท ไบท์เทอร์โบ ฯลฯ เพราะปัญหาในช่องปากของแต่ละคนมักมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป
ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ
แม้ในปัจจุบันจะมีนวัตกรรมการผลิตวัสดุจัดฟันที่ทันสมัยอีกหลายประเภท แต่อุปกรณ์จัดฟันแบบโลหะก็จัดเป็นอุปกรณ์จัดฟันแบบดั้งเดิมที่ยังมีข้อดีที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น
-
รักษาความผิดปกติของตำแหน่งฟันได้อย่างครอบคลุม
-
วัสดุแข็งแรงคงทน
-
เลือกสียางได้หลากหลายโทนสี ช่วยเสริมสีสันใหักับอุปกรณ์จัดฟันได้
-
ราคาไม่แพง ทำให้เข้าถึงผู้เข้ารับบริการได้ทุกกลุ่ม
ข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะ
แต่นอกจากข้อดีของอุปกรณ์จัดฟันประเภทนี้ มันก็แฝงมาด้วยจุดด้อยที่ผู้ที่สนใจจัดฟันแบบโลหะทุกท่านจะต้องพึงระวัง เช่น
-
อุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันแบบโลหะมักมีราคาถูกอยู่แล้ว และเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น จึงทำให้สถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือทันตแพทย์ที่ไม่มีใบรับรองการศึกษาจริงๆ นำอุปกรณ์จัดฟันโลหะที่ไม่ได้มาตรฐานมาเปิดให้บริการกลุ่มผู้ที่สนใจจัดฟันเพื่อหวังเอาเงินกำไร
-
อุปกรณ์อาจสร้างระคายเคืองหรือแผลในปาก เนื่องจากวัสดุจัดฟันที่เป็นโลหะจึงอาจไปบาดผิวหรือทำให้เกิดแผลที่เหงือก ลิ้น หรือริมฝีปากระหว่างใส่อุปกรณ์ได้
-
ต้องกลับมาเปลี่ยนอุปกรณ์กับทันตแพทย์อยู่บ่อยๆ โดยอาจเป็นทุกๆ 1-2 เดือนเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องถึงหลักปี ขึ้นอยู่กับปัญหาการเรียงตัวของฟันในแต่ละคน ซึ่งนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ก็ยังอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในทุกครั้งที่กลับมาเปลี่ยนอุปกรณ์กับทันตแพทย์ด้วย
-
วัสดุสามารถมองเห็นได้ชัดจากภายนอก ทำให้อาจดูเสียบุคลิกภาพระหว่างใส่อุปกรณ์ และเป็นข้อจำกัดในผู้ที่ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ เช่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักแสดง
-
ส่งผลต่อการออกเสียง เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันได้ไปเพิ่มพื้นที่ภายในช่องปากทำให้การออกเสียงหรือการพูดไม่ชัดได้
จัดฟันแบบโลหะได้ตอนอายุเท่าไร ?
การจัดฟันไม่ว่าด้วยวัสดุแบบใด โดยส่วนมากมักจะเริ่มจัดเมื่อผู้เข้ารับบริการมีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว เพื่อผลลัพธ์หลังการจัดฟันที่เห็นได้ชัดในระยะยาวจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยสามารถเริ่มจัดได้ตั้งแต่อายุ 11-12 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มเด็กเล็กหรือเด็กอายุต่ำกว่า 7-9 ขวบ ซึ่งยังใช้ฟันน้ำนมอยู่มีปัญหาเกี่ยวกับการเรียงตัวของฟันมากๆ เช่น ทำให้ออกเสียงไม่ชัด ทำให้เคี้ยวอาหารยาก ทันตแพทย์ก็อาจพิจารณาจัดฟันเด็กให้เช่นกัน
จัดฟันแบบโลหะใช้เวลานานไหม ?
-
จัดฟันโลหะแบบรัดยาง (Metal braces) จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพฟันและโครงสร้างฟันของแต่ละบุคคล
-
จัดฟันแบบดามอน (Damon) จะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพฟันและโครงสร้างฟันของแต่ละบุคคล
จัดฟันแบบโลหะหน้าเรียวไหม ?
การจัดฟันแบบโลหะมีส่วนช่วยให้ผู้เข้ารับบริการบางรายมีโครงสร้างใบหน้าที่ดูเรียวยาวและสมส่วนมากขึ้น โครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจัดฟันจะขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างกระดูกใบหน้าโดยพื้นฐานของผู้เข้ารับบริการด้วย ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีเทคโนโลยีการเอกซเรย์และจำลองภาพแบบ 3 มิติเข้ามาเป็นตัวช่วย ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าหลังจัดฟันเสร็จได้ล่วงหน้าก่อนเริ่มจัดฟัน แต่เทคโนโลยีนี้มักจะอยู่ควบคู่กับการจัดฟันแบบใสมากกว่า หรือขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถานพยาบาล
จัดฟันแบบโลหะต้องถอนฟันไหม ?
หากการเรียงตัวของฟันก่อนใส่อุปกรณ์จัดฟันมีการทับซ้อน เกซ้อน หรือทำให้ยากต่อการจัดฟันมาก ๆ ทันตแพทย์ก็อาจพิจารณาถอนฟันบางซี่ออกเพื่อให้ผลลัพธ์ของการจัดฟันออกมามีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเงื่อนไขนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการเรียงตัวของฟันในผู้เข้ารับบริการแต่ละรายที่ทันตแพทย์ตรวจพบ
การเตรียมตัวก่อนจัดฟันแบบโลหะ
เพื่อให้การดำเนินชีวิตหลังใส่อุปกรณ์จัดฟันราบรื่นที่สุด และเพื่อสุขภาพฟันที่ดีหลังใส่อุปกรณ์จัดฟัน ผู้เข้ารับบริการควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนจัดฟันโลหะดังต่อไปนี้
-
เลือกรับบริการที่สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟันประจำอยู่เท่านั้น
-
ต้องตรวจสุขภาพฟันอย่างละเอียดกับทันตแพทย์เสียก่อน
-
ถอนฟัน อุดฟัน หรือรักษาฟันซี่ที่มีปัญหาให้เรียบร้อยก่อนจัดฟัน ซึ่งโดยปกติทันตแพทย์จะเป็นผู้แจ้งข้อมูลในส่วนนี้ให้ทราบล่วงหน้าก่อนเริ่มจัดฟันอยู่แล้ว
-
เตรียมพร้อมกับวิถีชีวิตที่อาจเกิดจากความไม่ชินกับอุปกรณ์จัดฟันในช่วงแรก ทั้งการพูดที่อาจไม่ชัด การกลืนน้ำลายที่ลำบากขึ้น การเคี้ยวอาหารที่ยากขึ้น รูปปากที่อาจยื่นเล็กน้อยจนดูแปลกตา การงดกินอาหารบางชนิดที่เป็นข้อห้าม เช่น ป๊อบคอร์น น้ำแข็ง หมากฝรั่ง ข้าวเหนียว อาหารเนื้อหนืดหรือเนื้อแข็ง
ขั้นตอนการจัดฟันแบบโลหะ
-
ปรึกษาทันตแพทย์ ตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟัน ทำประวัติก่อนการจัดฟัน ได้แก่ พิมพ์ฟัน ถ่ายรูป และถ่าย x-ray ทราบข้อดี-ข้อเสียเกี่ยวกับการจัดแบบโลหะ และการจัดฟันแบบอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
-
เคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน เช่น ขูดหินปูน, ถอนฟัน, อุดฟัน, ผ่าฟันคุด เป็นต้น
-
นัดหมายติดเครื่องมือจัดฟัน
-
หลังจากติดเครื่องมือจัดฟัน ทันตแพทย์จะนัดปรับลวดประมาณ 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนครั้ง
-
เมื่อจัดฟันเสร็จทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟัน แล้วจะพิมพ์ฟันทำรีเทนเนอร์ ซึ่งมีหลากหลายแบบ ได้แก่ รีเทนเนอร์แบบใส รีเทนเนอร์แบบลวด รีเทนเนอร์แบบติดแน่น และรีเทนเนอร์แบบโลหะ เพื่อใช้คงสภาพฟัน ซึ่งควรใส่ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม
-
ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุกปีหลังจัดฟันเสร็จ เพื่อให้ฟันเรียงตัวสวยและแข็งแรง และลดปัญหาในช่องปาก
การดูแลช่องปากระหว่างจัดฟันแบบโลหะ
-
หลังจากใส่อุปกรณ์จัดฟันแบบโลหะเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับบริการยังต้องมีวินัย มีความระมัดระวัง และต้องดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากอย่างถูกวิธี เช่น
-
ต้องแปรงฟันให้สะอาดอยู่เสมอ และควรใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง เพื่อป้องกันเศษอาหารเข้าไปติดในอุปกรณ์จัดฟัน
-
งดการเคี้ยวอาหารที่มีเนื้อแข็งและเนื้อเหนียวจนเสี่ยงทำให้อุปกรณ์จัดฟันเสียหาย และฟันมีการขยับตำแหน่งผิดปกติไปมากกว่าเดิม
-
ยังคงต้องมาตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนอยู่เสมอ
-
มาเปลี่ยนอุปกรณ์จัดฟันแต่ละชุดกับทันตแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง ไม่ควรเลื่อนนัด และควรมาให้ตรงเวลาตามแผนการรักษา เพื่อให้ฟันมีการเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเหมาะตามที่ทันตแพทย์วิเคราะห์เอาไว้
-
เมื่อถอดอุปกรณ์จัดฟันออกแล้ว ต้องไม่ลืมใส่รีเทนเนอร์โดยเด็ดขาด และต้องใส่อย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ในทิศทางที่ไม่เหมาะสมอีก
-
การจัดฟันแบบโลหะเป็นการจัดฟันที่เปรียบเสมือนการใส่เครื่องประดับที่มีสีสันให้กับฟัน ผ่านอุปกรณ์ที่มีจุดเด่นด้านสีสันมากกว่าอุปกรณ์จัดฟันแบบอื่น ขณะเดียวกันก็ช่วยปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเรียงตัวของฟันให้ดีขึ้นได้ด้วย
bottom of page