top of page

ตัดเหงือก

(Gum surgery)

ตัดเหงือก (Gingivectomy) หรือ การศัลยกรรมตกแต่งเหงือก คือ การผ่าตัดเหงือกหรือเปลี่ยนรูปร่างของเหงือก เพื่อยกระดับเหงือกและทำให้ฟันดูยาวขึ้น นอกจากนี้ ยังทำเพื่อรักษาสภาวะบางอย่าง เช่น โรคเหงือกอักเสบ หรือปัญหาร่องเหงือกลึก ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการเกลารากฟันได้อีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่การตัดเหงือกจะทำร่วมกันกับการครอบฟันหรือวีเนียร์, การรักษารากฟัน, การผ่าหรือถอนฟันคุด เพื่อให้เหงือกดูเรียบเนียนมากขึ้น
Gingivectomy.jpg

สาเหตุที่ต้องตัดแต่งเหงือก

สาเหตุที่ต้องตัดแต่งเหงือกส่วนใหญ่จะใช้เพื่อทำการรักษาร่วมกับการทำทันตกรรมอื่นๆ เช่น การตัดเหงือกภายหลังการจัดฟัน, การรักษารากฟัน, การทำครอบฟัน, แก้ไขปัญหาเหงือกเยอะ เหงือกบวม, การอุดฟัน, ระดับขอบเหงือกของฟันแต่ละซี่ไม่เท่ากัน, เหงือกงอกมาคลุมตัวฟันมากเกินไป ผลให้การรับประทานอาหารไม่สะดวก และบางรายอาจจะพูดไม่ชัด, การทำปากกระจับ ทำปากบางซึ่งถ้าทำการตัดเหงือกเพิ่มก็จะช่วยทำให้ฟันดูยาว เวลายิ้มก็จะไม่เห็นเหงือกมากจนเกินไป
 
โดยทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟันทำการรักษาด้วยการตัดเหงือก เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกเกิดความเสียหายมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้ทันตแพทย์สามารถรักษาและทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

วิธีการตัดเหงือกมีอะไรบ้าง ?

  • ตัดเหงือกด้วยใบมีด
    เป็นการตัดขอบเหงือกออกด้วยวิธีการดั้งเดิม นั่นคือ การใช้มีด (blade) โดยทันตแพทย์จะทำการตัดเหงือกส่วนเกินออกตามร่องแนวฟัน แต่วิธีนี้ได้รับความนิยมน้อย เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ทำให้เลือดออกมากกว่าวิธีอื่น ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และถ้าทำความสะอาดไม่ดีพอก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • ตัดเหงือกด้วยระบบไฟฟ้า หรือ ตัดเหงือกด้วยเลเซอร์
    ส่วนวิธีที่ได้รับความนิยมคือ การตัดเหงือกด้วยเลเซอร์หรือระบบไฟฟ้า เนื่องจากช่วยควบคุมการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ       มีอาการเจ็บน้อยกว่า แผลน้อยกว่า เหงือกไม่ช้ำ แทบไม่ทิ้งรสชาติ หรือสัมผัสหลังการตัดเหงือก อีกทั้งยังมีภาวะแทรกซ้อนที่น้อยกว่าการใช้ใบมีดผ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นอีกด้วย

การตัดเหงือก มีกี่ประเภท ?

ปกติแล้วการตัดเหงือกที่คนส่วนใหญ่นิยมทำจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  1. การตัดเหงือกธรรมดา
    การตัดเหงือกธรรมดา (Gingivectomy) จะเป็นวิธีที่ทันตแพทย์ใช้เครื่องมือตัดเหงือกส่วนเกินออก เพื่อปรับแนวเหงือกให้เรียบ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหามาก เพียงแต่มีเหงือกเยอะ และมีเหงือกงอกมาคลุมตัวฟันมากเกินไป เวลายิ้มจึงเห็นเหงือกมากกว่าคนทั่วไป ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจได้ แต่วิธีนี้อาจทำให้เหงือกที่ตัดกลับมาสู่ระดับขอบเหงือกเดิมก่อนที่ตัดได้ (Relapse)
  2. การตัดเหงือกกรอกระดูกฟัน
    การตัดเหงือกกรอกระดูกฟัน (Aesthetic Crown Lengthening) คือ การตัดเหงือกร่วมกับการกรอแต่งขอบกระดูกใต้เหงือกออกบางส่วน จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากระดูกฟันนูนและมีเหงือกหนาจนลงมาคลุมฟันมาก โดยทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดขอบเหงือกร่วมกับการกรอลดความสูงของขอบกระดูกฐานเหงือก ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร เหงือกจะไม่งอกกลับขึ้นมาอีก ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้แล้ว ยังช่วยป้องกันรากฟันผุ ที่อาจเป็นสาเหตุของการนำไปสู่โรคที่เกี่ยวข้องกับเหงือกและฟันอื่นๆ ได้อีกด้วย

ข้อดีของการตัดเหงือก

  • ช่วยแก้ปัญหาขาดความมั่นใจไม่กล้ายิ้ม
  • ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือก เช่น เหงือกร่น เหงือกติดเชื้อ เหงือกอักเสบ ปัญหาร่องเหงือกลึก เหงือกบาดเจ็บ เป็นต้น
  • ทำให้ทันตแพทย์และคนไข้สามารถรักษาและทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น
  • ช่วยป้องกันฟันรากฟันผุ
  • ช่วยทำให้คนไข้ที่มีฟันผุ หรือฟันแตก สามารถรักษารากฟัน ครอบฟัน หรือบูรณะฟันซี่นั้นได้สมบูรณ์จากการตัดเหงือกเพิ่ม
  • ช่วยเพิ่มความยาวของซี่ฟัน
  • ช่วยทำให้การทำวีเนียร์ให้ดูมีมิติ และสวยงามมากขึ้น

ข้อเสียของการตัดเหงือก

หลังจากเข้ารับการตัดแต่งเหงือก หากคนไข้ไม่ดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี อาจทำให้เกิดโรคช่องปากต่างๆ เกิดขึ้นได้อีก เช่น คอฟันสึก เหงือกบวม เหงือกร่น ฟันผุ อาการติดเชื้อ เป็นต้น

การเตรียมตัวก่อนการตัดเหงือก

  1. ทำการตรวจสุขภาพภายในช่องปาก หากพบว่ามีปัญหา เช่น ฟันผุ หินปูน ให้ทำการเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อยเสียก่อน
  2. ทันตแพทย์จะทำการเอกซเรย์เพื่อประเมินระดับกระดูก
  3. ทำการปรึกษาแพทย์เรื่องแผนการรักษา เช่น ต้องตัดเหงือกกี่ซี่ หรือต้องทำการกรอกระดูกฟันด้วยหรือไม่
  4. หากมีโรคประจำตัว แพ้ยา ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบก่อนการลงมือผ่าตัด

ขั้นตอนการตัดเหงือก

  1. ระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง
  2. ทันตแพทย์จะทำการใส่ยาชา จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บแต่จะรู้สึกได้ถึงแรงกดของเครื่องมือที่กระทำอยู่
  3. รอยาชาออกฤทธิ์ 20-40 นาที และกำหนดจุดที่เหงือกก่อนการผ่าตัด
  4. หากมีปัญหาเรื่องกระดูกฟันนูนก็จะต้องทำการกรอกระดูกฟันร่วมด้วย
  5. หลังการผ่าตัดจะมีไหมเย็บแผลและยาปิดแผลปิดอยู่บริเวณเหงือก
  6. ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีดูแลตัวเองให้อย่างละเอียด และจะมีการนำยาปิดแผลออกและตัดไหมหลังจากวันผ่าตัด 1-2 อาทิตย์หลังจากนี้

วิธีดูแลหลังตัดเหงือก

  1. หากทันตแพทย์ทำการใช้ยาปิดแผลลักษณะคล้ายหมากฝรั่งให้งดแปรงฟันในบริเวณนี้ และจะให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อบ้วนทำความสะอาดแทน โดยใช้วันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 1 นาที
  2. หากเป็นแผลปกติให้ใช้ cotton bud ชุบน้ำ เช็ดทำความสะอาดบริเวณแผล
  3. เมื่อมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาได้
  4. ทันตแพทย์จะจ่ายยาฆ่าเชื้อให้ แนะนำให้รับประทานติดต่อกันจนกว่าจะหมด
  5. งดกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อเหงือกและฟัน เคี้ยวของแข็ง กัดฟัน ต่อยมวย เป็นต้น

ตัดเหงือก กินอะไรได้บ้าง

  • เน้นรับประทานอาหารที่ไม่ออกแรงเคี้ยวเยอะ และไม่แข็งจนเกินไป เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก
  • รับประทานอาหารที่เย็นได้ตามปกติ
  • ดื่มน้ำให้ครบวันละ 8 แก้ว
  • รับประทานผักหรือผลไม้ที่มีวิตามิน เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ กี่วี สับปะรด
  • รับประทานอาหารจำพวกโปรตีนและเนื้อสัตว์ที่ไม่เหนียวแทนไปก่อน ไข่ขาว ไก่ ธัญพืช เนื่องจากโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและทำให้แผลหายไวขึ้น

ตัดเหงือก ห้ามกินอะไรบ้าง

  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดจ้านจนกว่าแผลจะหายดี
  • งดเคี้ยวน้ำแข็ง ถั่วหรืออาหารแข็ง อาหารกรุบกรอบที่ส่งผลต่อฟัน
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เคี้ยวยาก เช่น เนื้อติดมัน เนื้อติดเอ็น เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า ผลไม้ดอง เพราะอาหารเหล่านี้อาจมีสิ่งปนเปื้อนที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อได้

เมื่อตดัเหงือกแลว้เหงือกจะงอกไหม

มีโอกาสในเคสที่ตัดแต่งเหงือก แต่ไม่ได้กรอกระดูกฟันร่วมด้วยครับ เพราะ ขอบกระดูกเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงสามารถทำให้ขอบเหงือกที่ตัดไปมีโอกาสงอกใหม่ หรือ กลับคืนเดิม (relapse) การตัดตกแต่งเหงือกเป็นหัตถการที่ให้ผลดีในคนที่มีปัญหาเหงือกเยอะ เหงือกยื่นที่เป็นสาเหตุทำให้ขาดความมั่นใจ แล้วเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งแรกที่ทำให้คนประทับใจเมื่อแรกเจอคือรอยยิ้ม ดังนั้นการมีฟันที่สวยงาม พร้อมกับเหงือกที่มีสุขภาพดีสามารถช่วยเสริมความมั่นใจของเจ้าของรอยยิ้มได้
bottom of page